การเคลือบแก้วไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้รถมันเงา

เรื่องหนึ่งที่อยากขอทำความเข้าใจกับท่านที่สนใจการทำ เคลือบแก้ว เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นก่อนตัดสินใจรับบริการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ที่ผิวสีรถ ก็คือ เรื่องของผลที่เกิดขึ้น มีหลายท่านให้ความสนใจการทำ เคลือบแก้วรถ เนื่องจากต้องการเสริมความงามให้รถดูเป็นมันเงาสวยใสดูใหม่ ซึ่งประเด็นนี้นำมาซึ่งการนำเอาเรื่องของการทำ เคลือบแก้ว ไปเปรียบเทียบกับการขัดเคลือบแวกซ์ ซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นหลักทั้งหมดในการเคลือบสีรถด้วยวิธีการนี้แต่อย่างใด…

 

“ถ้าอยากแค่ให้รถเงามันไม่ต้องเคลือบแก้ว เคลือบแวกซ์ก็พอ”…

 

ประโยคทำนองนี้ เชื่อว่าเป็นถ้อยคำที่ได้ยินและได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ทั้งในการสนทนากันตามปกติ และการค้นหาข้อมูลทาง internet  และมีการเอามาเปรียบเทียบกันเยอะแยะไปหมดทั้งที่เป็นข้อความความคิดเห็น และรูปภาพ เอาภาพรถเงาๆ มันๆ มาลงประชันกันเต็มไปหมด ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นภาพของจริง ไม่แค่นำเสนอแค่ความคิดเห็นอย่างเดียว เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม… ในการเปรียบเทียบกันระหว่าง เคลือบแก้ว กับการเคลือบแวกซ์ นั้นอาจจะดูเป็นแค่การนำเสนอกันเพียงในมุมของความสวยความงามแค่ด้านเดียว ซึ่งมันไม่ใช่ประสิทธิภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจุดประสงค์ในการผลิตและพัฒนาสินค้าเหล่านี้ออกมาให้ใช้งานกัน…

 

 

เคลือบแก้ว ไม่ได้มีดีแค่ความเงางาม

 

อาจเป็นความเข้าใจของหลายๆ ท่าน ที่เมื่อเอ่ยถึงการ เคลือบแก้ว แล้วจะนึกถึงกันเฉพาะเรื่องความเงางาม ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากตัวชื่อของการ “เคลือบแก้ว” ที่ให้ความรู้สึกว่าเมื่อทำแล้วผิวรถจะใสมันเงาราวกับแก้วอะไรแบบนั้น ซึ่งมันก็มีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่ เนื่องจาก น้ำยาเคลือบแก้ว หลายๆ ตัว มีส่วนผสมหลักเป็น ซิลิก้า หรือก็คือส่วนประกอบหลักที่เขาเอามาเป็นแก้วนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การทำ เคลือบแก้ว ไม่ได้มีเจตนาเพียงแค่เรื่องความงามเท่านั้น หากท่านใดเคยค้นหาและเข้าไปอ่านความคิดเห็นคำวิจารณ์หลายๆ แห่งในโลกออนไลน์ เอาเฉพาะในด้านความสวยงามหลังจากทำก็จะพบว่า มีผู้ให้ความคิดเห็นในลักษณะ เคลือบแวกซ์น่าสนใจก็ใช้ได้ ทำเสร็จออกมาสวยเงาวับไม่แพ้ รถทำเคลือบแก้ว มาเลย… เรื่องนี้ หากตัดสินกันเอาเฉพาะในเรื่องความสวยความมันเงาหลังจากที่ทำเสร็จใหม่ๆ ก็คงไม่เถียงว่าความเงางามใกล้เคียง แต่… ต้องย้ำว่าเฉพาะ “หลังจากที่ทำเสร็จใหม่ๆ” และในเรื่องความเงามันเท่านั้น

 

ทั้งนี้ก็เนื่องจากสิ่งที่เคลือบลงไปบนผิวรถมีระดับความแข็ง และความคงทนในการยึดเกาะที่แตกต่างกันมาก ความเงางามในช่วงแรกๆ หลังจากเคลือบเสร็จอาจมองแล้วไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่หากว่าใช้ไปสักระยะ เพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ ความแตกต่างที่ชัดเจนจะเริ่มปรากฏให้เห็น เนื่องจากแวกซ์ ที่เคลือบเอาไว้จะติดอยู่บนสีรถได้ไม่นาน มันจะเริ่มเสื่อมสภาพหลุดสลายหายไป เราจะเห็นได้ว่า หลังอาทิตย์ที่ 2 ผ่านไป รถจะเริ่มเปื้อนอีกครั้ง ฝุ่นผงสิ่งสกปรกที่เกาะก็จะเริ่มเช็ดออกยาก จากเดิมที่ลูบเบาๆ หรือราดน้ำลงไปก็กลับมาดูใหม่ มันก็จะไม่เป็นแบบนั้น แต่หากเป็น รถที่ผ่านการทำเคลือบแก้วมา คุณสมบัติยังเหมือนเดิม ยังคงลื่นเช็ดล้างได้ง่าย คราบสกปรกไม่จับเกาะอยู่ได้นานมากกว่า ยิ่งเป็นในช่วงฤดูฝนยิ่งเห็นชัด เพราะรถที่เคลือบแวกซ์ หากโดนน้ำฝนและเราเช็ดน้ำออก มันจะมีประสิทธิภาพดีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น สาเหตุก็เป็นเพราะคุณสมบัติของมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้อยู่ยาวนานคงทน พอเราเช็ดมันก็หลุดออก ซึ่งแตกต่างจาก เคลือบแก้ว ที่เมื่อน้ำยาเซ็ทตัวจะกลายเป็นชั้นฟิล์มแข็งเคลือบอยู่ด้านบนของสีรถ มันจะไม่ถูกเช็ดถูกล้างออกไปง่ายๆ ดังนั้นความคงทนจึงต่างกัน แต่นี่ก็แค่เรื่องความเงางาม… ที่คนนิยมเอามาเปรียบเทียบเท่านั้น

 

 

ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจากการเคลือบแก้ว ยังมีอีหลายประการ

 

การเคลือบแก้ว นอกเหนือจากเรื่องของความสวยงามทำให้ผิวรถเป็นมันเงายังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกหลายประการ เช่น

 

  1. การป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน อย่างกล่าวไปแล้วว่า น้ำยาเคลือบแก้ว เมื่อแห้งมันจะกลายเป็นฟิล์มแข็งที่มีความใส รอยขีดข่วนจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับสีรถง่ายๆเนื่องจากมันมีความแข็งมากกว่าสิ่งที่มาจับเกาะสัมผัสผิวของมันหลายๆ ชนิด (ประสิทธิภาพแล้วแต่ค่าความแข็งของน้ำยาที่เลือกใช้)
  2. การป้องกันสิ่งสกปรกยึดเกาะผิว มีปฏิกิริยาที่เกิดจากสารที่ใช้ผสมลงไป ที่ทำให้มันไม่มีไฟฟ้าสถิต ทำให้ไม่มีแรงยึดเกาะบนผิว ฝุ่นผงคราบสกปรกจึงยากที่เกาะติดได้
  3. การทำความสะอาดตัวเอง ซึ่งเรื่องนีเป็นคุณสมบัติการไล่น้ำ และการรีดน้ำ ที่อยู่ในส่วนของความลื่น ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความลื่นที่แม้แต่หยดน้ำก็ไม่เกาะผิว
  4. คุณสมบัติอื่นๆ เช่น การป้องกันรังสี UV และอีกหลายอย่างตามแต่การพัฒนาของผู้สร้างผลิตภัณฑ์

 

 

ดังนั้นการทำ เคลือบแก้ว จึงไม่ได้มีดีแค่เรื่องความเงางาม มันยังมีข้อดีอื่นๆ อีกหลายอย่างที่เราควรนำมาพิจารณาเมื่อต้องการเคลือบสีรถ ในการที่เราจะตัดสินใจลง น้ำยาเคลือบแก้ว เราควรทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติของมันให้ครบถ้วน และพิจารณาในเรื่องของการใช้งานของเรา ไลฟ์สไตล์ในการใช้รถของเรา ว่ามันตอบสนองได้มากเพียงพอหรือไม่ หรือเราต้องการเพียงแค่เรื่องของความสวยเป็นครั้งเป็นคราวและชอบที่จะทำความสะอาดล้าง ขัดเคลือบเองบ่อยๆ (ชอบทำเป็นงานอดิเรก) ซึ่งก็อยู่ที่ผู้ใช้งานจะลองเอาไปพิจารณา

 

บทความจาก : Armor TH ผู้พัฒนาและจำหน่าย น้ำยาเคลือบแก้ว อุปกรณ์คาร์แคร์ คุณภาพ

Leave a Reply